พระอาจารย์จุดเทียนเล่มหนึ่งในพระวิหาร แสงของมันส่องสว่างนุ่มนวลในความมืด
เณรน้อยเฝ้ามองเปลวไฟและถามว่า “เทียนเล่มนี้จะมอดดับไปเมื่อใด?”
พระอาจารย์ยิ้มและกล่าวว่า “แสงของมันจะอยู่ตลอดไป ตราบใดที่เรานำแสงนี้ไปจุดต่อให้ผู้อื่น”
เณรน้อยตระหนักว่า “เช่นเดียวกับธรรมะ แสงแห่งปัญญาไม่มีวันดับ มันสามารถถูกส่งต่อจากรุ่นสู่รุ่น ไม่เคยลดน้อยลง”
พุทธศาสนาสอนว่า “ธรรมะเป็นแสงสว่างที่ไม่มีวันมอดดับ ยิ่งแบ่งปัน ยิ่งเจิดจ้า”
ธรรมะ: แสงนำทางที่ไม่มีวันดับ
หลายคนกลัวว่าความรู้และปัญญาจะจางหายไป แต่พุทธศาสนาสอนว่า “ธรรมะไม่เคยเสื่อมสูญ ตราบใดที่มีผู้ปฏิบัติและส่งต่อ”
เช่นเดียวกับเปลวไฟที่ถูกส่งต่อจากเทียนเล่มหนึ่งไปยังอีกเล่ม แสงแห่งปัญญาสามารถขยายออกไปได้โดยไม่ลดลง
เมื่อเราน้อมรับธรรมะ เรากลายเป็นแสงเทียนที่ส่องสว่างแก่ตนเองและผู้อื่น
3 วิธีรักษาแสงสว่างของธรรมะในชีวิต
หากคุณต้องการรักษาและส่งต่อแสงสว่างของธรรมะ ลองฝึกฝน 3 ข้อนี้:
- ศึกษาและปฏิบัติธรรม: ธรรมะไม่ใช่เพียงคำสอน แต่เป็นแนวทางปฏิบัติที่ต้องนำมาใช้ในชีวิตประจำวัน
- แบ่งปันปัญญากับผู้อื่น: เช่นเดียวกับการจุดเทียนต่อให้กัน ยิ่งให้ ยิ่งสว่าง
- รักษาจิตใจให้สงบ: แสงแห่งธรรมะจะส่องสว่างที่สุดเมื่อจิตของเรานิ่งสงบและเต็มไปด้วยเมตตา
จุดประกายให้เกิดการเปลี่ยนแปลง
วันนี้คุณสามารถเป็นแสงแห่งปัญญาให้แก่ตนเองและผู้อื่นได้หรือไม่?
“ธรรมะคือเปลวไฟที่ไม่มีวันดับ ยิ่งส่งต่อ ยิ่งสว่างไสว”
ข้อคิดสำคัญ:
- ปัญญาที่แท้จริงไม่มีวันเสื่อมสูญ ตราบใดที่มีผู้ปฏิบัติและแบ่งปัน
- ธรรมะเปรียบเสมือนเปลวไฟที่สามารถถูกส่งต่อได้โดยไม่ลดลง
- การรักษาแสงสว่างของธรรมะคือการนำไปปฏิบัติในชีวิตจริง
คำถามสำหรับคุณ: วันนี้คุณสามารถเป็นแสงเทียนที่ส่งต่อธรรมะให้ผู้อื่นได้หรือไม่?