พระภิกษุสองรูปเดินทางด้วยกันจนมาถึงแม่น้ำ สายน้ำเชี่ยวกราก และหญิงสาวคนหนึ่งลังเลอยู่บนฝั่ง
พระรูปแรกยิ้มและกล่าวว่า “ให้ข้าพเจ้าช่วยท่านข้ามไป” แล้วอุ้มหญิงสาวข้ามแม่น้ำอย่างระมัดระวัง
เมื่อข้ามถึงฝั่ง พระรูปแรกวางหญิงสาวลง และเดินต่อไปโดยไม่มีคำพูดใด
หลายชั่วโมงผ่านไป พระรูปที่สองอดรนทนไม่ได้และกล่าวว่า “เหตุใดท่านจึงอุ้มหญิงสาว? เราเป็นภิกษุ ไม่ควรแตะต้องสตรี”
พระรูปแรกเพียงยิ้มและตอบว่า “ข้าพเจ้าวางนางลงตั้งแต่ข้ามแม่น้ำแล้ว แต่เหตุใดท่านยังคงแบกนางไว้อยู่ในใจ?”
พุทธศาสนาสอนว่า “อัตตาและความยึดติดทำให้เราขังตนเองไว้กับอดีต การปล่อยวางคือหนทางสู่ความสงบ”
เรากำลังแบกสิ่งที่ควรวางลงหรือไม่?
เราทุกคนล้วนเคยแบกบางสิ่งไว้ในใจ—ความขุ่นข้องหมองใจ ความโกรธ หรือความเสียใจ แต่พุทธศาสนาสอนว่า “การยึดติดกับอดีตเปรียบเสมือนการถือของหนักไว้โดยไม่จำเป็น”
เมื่อเราวางอดีตลง เราจะรู้สึกเบาสบายและก้าวไปข้างหน้าได้อย่างแท้จริง
3 กุญแจสู่การปล่อยวางและอิสรภาพภายใน
หากคุณต้องการเป็นอิสระจากอัตตาและสิ่งที่ฉุดรั้งคุณไว้ ลองฝึกฝน 3 ข้อนี้:
- ปล่อยวางสิ่งที่ไม่จำเป็น: หากมันไม่ช่วยให้คุณเติบโต ก็ไม่มีเหตุผลที่จะเก็บไว้
- อยู่กับปัจจุบัน: ยิ่งคุณจมอยู่กับอดีตหรือกังวลถึงอนาคต คุณจะยิ่งพลาดช่วงเวลาที่มีค่าที่สุด—ปัจจุบัน
- ฝึกสติและความเมตตา: การตระหนักรู้ถึงความคิดของตนเองและให้อภัยตัวเองทำให้ใจเป็นอิสระ
จุดประกายให้เกิดการเปลี่ยนแปลง
วันนี้คุณสามารถวางสิ่งที่คุณแบกไว้ และเดินหน้าต่อไปอย่างเบาสบายได้หรือไม่?
“เมื่อคุณวางสิ่งที่ไม่จำเป็นลง คุณจะพบว่าเส้นทางข้างหน้าชัดเจนขึ้น”
ข้อคิดสำคัญ:
- การยึดติดกับอดีตทำให้เราติดอยู่ในความทุกข์
- การปล่อยวางคือกุญแจสู่ความสงบภายใน
- เราไม่สามารถเปลี่ยนอดีตได้ แต่เราสามารถเลือกว่าจะให้มันส่งผลต่อเราอย่างไร
คำถามสำหรับคุณ: วันนี้คุณสามารถปล่อยวางบางสิ่งที่ฉุดรั้งคุณไว้ และเดินหน้าต่อไปด้วยจิตใจที่เบาสบายได้หรือไม่?