Posted in

อิติปิโสรัตนมาลา ๑๐๘

( นำ) หันทะ มะยัง อะนุสสะระณะ ปาฐะ คาถาโย ภะณา มะเส ฯ

พระพุทธคุณ ๕๖

อิติปิ โส   ภะคะวา อะระหัง สัมมาสัมพุทโธ
วิชชาจะระณะสัมปันโน สุคะโต โลกะวิทู อะนุตตะโร
ปุริสะทัมมะสาระถิ สัตถา เทวะมะนุสสานัง พุทโธ ภะคะวาติ.

๑. (อิ.)   อิฏโฐ สัพพัญญุตัญญานัง อิจฉันโต อาสะวักขะยัง
อิฏฐัง ธัมมัง อะนุปปัตโต   อิทธิมันตัง นะมามิหัง

๒. (ติ.) ติณโณ โย วัฏฏะทุกขัมหา ติณณัง   โลกานะมุตตะโม
ติสโส ภูมี อะติกกันโต ติณณะโอฆัง นะมามิหัง

๓. (ปิ.)   ปิโย เทวะมะนุสสานัง ปิโยพรหมานะมุตตะโม
ปิโย นาคะสุปัณณานัง ปิณินทริยัง   นะมามิหัง

๔.( โส.) โสกา วิรัตตะจิตโต โย โสภะนาโม สะเทวะเก
โสกัปปัตเต   ปะโมเทนโต โสภะวัณณัง นะมามิหัง

๕. (ภะ.) ภะชิตา เยนะ สัทธัมมา ภัคคะปาเปนะ   ตาทินา
ภะยะสัตเต ปะหาเสนโต ภะยะสันตัง นะมามิหัง

๖. (คะ.) คะมิโต เยนะ   สัทธัมโม คะมาปิโต สะเทวะกัง
คัจฉะมาโน สิวัง รัมมัง คะตะธัมมัง   นะมามิหัง

๗. (วา.) วานา นิกขะมิ โย ตัณหา วาจัง ภาสะติ อุตตะมัง
วานะ   นิพพาปะ นัตถายะ วายะมันตัง นะมามิหัง

๘. (อะ.) อะนัสสา สะกะสัตตานัง อัสสาสัง   เทติ โย ชิโน
อนันตะคุณะสัมปันโน อันตะคามิง นะมามิหัง

๙. (ระ.) ระโต   นิพพานะสัมปัตเต ระโต โย สัตตะโมจะเน
รัมมาเปตีธะ สัตเต โย ระณะจัตตัง   นะมามิหัง

๑๐. (หัง.) หัญญะติ ปาปะเก ธัมเม หังสาเปติ ปะรัง   ชะนัง
หังสะมานัง มะหาวีรัง หันตะปาปัง นะมามิหัง

๑๑. (สัม.)   สังขะตาสังขะเต ธัมเม สัมมา เทเสสิ ปาณินัง
สังสารัง สังวิฆาเฏติ   สัมพุทธันตัง นะมามิหัง

๑๒. (มา.) มาตาวะ ปาลิโต สัตเต มานะถัทเธ   ปะมัททิโต
มานิโต เทวะสังเฆหิ มานะฆาฏัง นะมามิหัง

๑๓. (สัม.) สัญจะยัง   ปาระมี สัมมา สัญจิตะวา สุขะมัตตะโน
สังขารานัง ขะยัง ทิสวา สันตะคามิง   นะมามิหัง

๑๔. (พุท.) พุชฌิตวา จะตุสัจจานิ พุชฌาเปติ   มะหาชะนัง
พุชฌาเปนตัง สิวัง มัคคัง พุทธะเสฏฐัง นะมามิหัง

๑๕. (โธ.)   โธติ ราเค จะ โทเส จะ โธติ โมเห จะ ปาณินัง
โธตะเกลสัง มะหาปุญญัง โธตาสะวัง   นะมามิหัง

๑๖. (วิช.) วิเวเจติ อะสัทธัมมา วิจิตะวา   ธัมมะเทสะนัง
วิเวเก ฐิตะจิตโต โย วิทิตันตัง นะมามิหัง

๑๗. (ชา.)   ชาติธัมโม ชะราธัมโม ชาติอันโต ปะกาสิโต
ชาติเสฏเฐนะ พุทเธนะ ชาติมุตตัง   นะมามิหัง

๑๘. (จะ). จะเยติ ปุญญะสัมภาเร จะเยติ สุขะสัมปะทัง
จะชันตัง   ปาปะกัมมานิ จะชาเปนตัง นะมามิหัง

๑๙. (ระ.) ระมิตัง เยนะ นิพพานัง รักขิตา   โลกะสัมปะทา
ระชะโทสาทิเกลเสหิ ระหิตันตัง นะมามิหัง

๒๐. (ณะ.)   นะมิโตเยวะ พรหเมหิ นะระเทเวหิ สัพพะทา
นะทันโต สีหะนาทัง โย นะทันตัง ตัง   นะมามิหัง

๒๑. (สัม.) สังขาเร ติวิเธ โลเก สัญชานาติ อะนิจจะโต
สัมมา   นิพพานะสัมปัตติ สัมปันโน ตัง   นะมามิหัง

๒๒.(ปัน.) ปะกะโต โพธิสัมภาเร ปะสัฏโฐ   โย สะเทวะเก
ปัญญายะ อะสะโม โหติ ปะสันนัง ตัง   นะมามิหัง

๒๓. (โน . ) โน   เทติ นิระยัง คันตุง โน จะ ปาปัง อะการะยิ
โน สะโม อัตถิ ปัญญายะ โนนะธัมมัง   นะมามิหัง

๒๔. (สุ.) สุนทะโร วะระรูเปนะ สุสะโร ธัมมะภาสะเน
สุทุททะสัง   ทิสาเปติ สุคะตันตัง นะมามิหัง

๒๕. (คะ.) คัจฉันโต โลกิยา ธัมมา คัจฉันโต   อะมะตัง ปะทัง
คะโต โส สัตตะโมเจตุง คะตัญญาณัง นะมามิหัง

๒๖. (โต.)   โตเสนโต วะระธัมเมนะ โตสัฏฐาเน สิเว วะเร
โตสัง อะกาสิ ชันตูนัง โตละจิตตัง   นะมามิหัง

๒๗. (โล.) โลเภ ชะหะติ สัมพุทโธ โลกะเสฏโฐ คุณากะโร
โลเภ   สัตเต ชะหาเปติ โลภะสันตัง นะมามิหัง

๒๘. (กะ.) กันโต โย สัพพะสัตตานัง กัตวา   ทุกขักขะยัง ชิโน
กะเถนโต มะธุรัง ธัมมัง กะถาสัณหัง นะมามิหัง

๒๙.   (วิ.) วินะยัง โย ปะกาเสติ วิทธังเสตวา ตะโย ภะเว
วิเสสัญญาณะสัมปันโน   วิปปะสันนัง นะมามิหัง

๓๐. (ทู.) ทูเส สัตเต ปะหาเสนโต ทูรัฏฐาเน   ปะกาสะติ
ทูรัง นิพพานะมาคัมมะ ทูสะหันตัง นะมามิหัง

๓๑. (อะ.) อันตัง   ชาติชะราทีนัง อะกาสิ ทิปะทุตตะโม
อะเนกุสสาหะจิตเตนะ อัสสาเสนตัง   นะมามิหัง

๓๒. (นุต.) นุเทติ ราคะจิตตานิ นุทาเปติ ปะรัง ชะนัง
นุนะ   อัตถัง มะนุสสานัง นุสาสันตัง นะมามิหัง

๓๓. (ตะ.) ตะโนติ กุสะลัง กัมมัง   ตะโนติ ธัมมะเทสะนัง
ตัณหายะ วิจะรันตานัง ตัณหาฆาฏัง นะมามิหัง

๓๔.( โร.) โรเสนโต เนวะ โกเปติ โรเสเหวะ นะ กุชฌะติ
โรคานัง ราคะอาทีนัง   โรคะหันตัง นะมามิหัง

๓๕. (ปุ.) ปุณันตัง อัตตะโน ปาปัง ปุเรนตัง   ทะสะปาระมี
ปุญญะวันตัสสะ ราชัสสะ ปุตตะภูตัง นะมามิหัง

๓๖. (ริ.)   ริปุราคาทิภูตัง วะ ริทธิยา ปะฏิหัญญะติ
ริตตัง กัมมัง นะ กาเรตา ริยะวังสัง   นะมามิหัง

๓๗. (สะ.) สัมปันโน วะระสีเลนะ สะมาธิปะวะโร   ชิโน
สะยัมภูญาณะสัมปันโน สัณหะวาจัง นะมามิหัง

๓๘. (ทัม.) ทันโต โย   สะกะจิตตานิ ทะมิตะวา สะเทวะกัง
ทะทันโต อะมะตัง เขมัง ทันตินทริยัง   นะมามิหัง

๓๙. (มะ.) มะหุสสาเหนะ สัมพุทโธ มะหันตัง ญาณะมาคะมิ
มะหิตัง   นะระเทเวหิ มะโนสุทธัง นะมามิหัง

๔๐. (สา.) สารัง เทตีธะ สัตตานัง สาเรติ   อะมะตัง ปะทัง
สาระถี วิยะ สาเรติ สาระธัมมัง นะมามิหัง

๔๑. (ระ.)   รัมมะตาริยะสัทธัมเม รัมมาเปติ สะสาวะกัง
รัมเม ฐาเน วะสาเปนตัง ระณะหันตัง   นะมามิหัง

๔๒. (ถิ.) ถิโต โย วะระนิพพาเน ถิเร ฐาเน สะสาวะโก
ถิรัง   ฐานัง ปะกาเสติ ถิตัง ธัมเม นะมามิหัง

๔๓. (สัต.) สัทธัมมัง เทสะยิตวานะ   สันตะนิพพานะปาปะกัง
สะสาวะกัง สะมาหิตัง สันตะจิตตัง นะมามิหัง

๔๔.   (ถา.) ถานัง นิพพานะสังขาตัง ถาเมนาธิคะโต มุนิ
ถาเน สัคคะสิเว สัตเต ถาเปนตัง   ตัง นะมามิหัง

๔๕. (เท.) เทนโต โย สัคคะนิพพานัง   เทวะมะนุสสะปาณินัง
เทนตัง ธัมมะวะรัง ทานัง เทวะเสฏฐัง   นะมามิหัง

๔๖. (วะ.) วันตะราคัง วันตะโทสัง วันตะโมหัง   อะนาสะวัง
วันทิตัง เทวะพรหเมหิ มะหิตันตัง นะมามิหัง

๔๗. (มะ.) มะหะตา   วิริเยนาปิ มะหันตัง ปาระมิง อะกา
มะนุสสะเทวะพรหเมหิ มะหิตันตัง   นะมามิหัง

๔๘. (นุส.) นุนะธัมมัง ปะกาเสนโต นุทะนัตถายะ ปาปะกัง
นุนะ   ทุกขาธิปันนานัง นุทาปิตัง นะมามิหัง

๔๙. (สา.) สาวะกานังนุสาเสติ สาระธัมเม   จะ ปาณินัง
สาระธัมมัง มะนุสสานัง สาสิตันตัง นะมามิหัง

๕๐. (นัง.)   นันทันโต วะระสัทธัมเม นันทาเปติ มะหามุนิ
นันทะภูเตหิ เทเวหิ นันทะนียัง   นะมามิหัง

๕๑. (พุท.) พุชฌิตาริยะสัจจานิ พุชฌาเปติ   สะเทวะกัง
พุทธะญาเณหิ สัมปันนัง พุทธัง สัมมา นะมามิหัง

๕๒.( โธ.)   โธวิตัพพัง มะหาวีโร โธวันโต มะละมัตตะโน
โธวิโต ปาณินัง ปาปัง โธตะเกลสัง   นะมามิหัง

๕๓. (ภะ.) ภะยะมาปันนะสัตตานัง ภะยัง หาเปติ นายะโก
ภะเว   สัพเพ อะติกกันโต ภะคะวันตัง นะมามิหัง

๕๔. (คะ.) คะหิโต เยนะ สัทธัมโม   คะตัญญาเณนะ ปาณินัง
คะหะณิยัง วะรัง ธัมมัง คัณหาเปนตัง   นะมามิหัง

๕๕. (วา.) วาปิตัง ปะวะรัง ธัมมัง วานะโมกขายะ   ภิกขุนัง
วาสิตัง ปะวะเร ธัมเม วานะหันตัง นะมามิหัง

๕๖. (ติ.) ติณโณ   โย สัพพะปาเปหิ ติณโณ สัคคา ปะติฏฐิโต
ติเร นิพพานะสังขาเต ติกขะญาณัง   นะมามิหัง

ฉัปปัญญาสะ พุทธะคาถา พุทธะคุณา   สุคัมภิรา
เอเตสะมานุภาเวนะ โสตถิ เม โหตุ   สัพพะทา.

พระธรรมคุณ ๓๘

สวากขาโต ภะคะวาตา ธัมโม ,   สันทิฏฐิโก อะกาลิโก
เอหิปัสสิโก โอปะนะยิโก ปัจจัตตัง เวทิตัพโพ   วัญญูหีติ.

๑. (สวาก.) สวาคะตันตัง สิวัง รัมมัง สวานะยัง   ธัมมะเทสิตัง
สวาหุเนยยัง ปุญญะเขตตัง สวาสะภันตัง นะมามิหัง

๒. (ขา.)   ขาทันโต โย สัพพะปาปัง ขายิโต โย จะ มาธุโร
ขายันตัง ติวิธัง โลกัง   ขายิตันตัง นะมามิหัง

๓. (โต.) โตเสนโต สัพพะสัตตานัง โตเสติ   ธัมมะเทสะนัง
โตสะจิตตัง สะมิชฌันตัง โตสิตันตัง นะมามิหัง

๔. (ภะ.)   ภัคคะราโค ภัคคะโทโส ภัคคะโมโห อนุตตะโร
ภัคคะกิเลสะสัตตานัง ภะคะวันตัง   นะมามิหัง

๕. (คะ.) คัจฉันโต รัมมะเก สิเว คะมาปิโต สะเทวะเก
คัจฉันโต   พรหมะจะริเย คัจฉันตันตัง นะมามิหัง

๖. (วะ.) วันตะราคัง วันตะโทสัง   วันตะโมหัง วันตะปาปะกัง
วันตัง พาละมิจฉาทีนัง วันตะคันถัง   นะมามิหัง

๗. (ตา.) ตาเรสิ สัพพะสัตตานัง ตาเรสิ โอริมังติรัง
ตาเรนตัง   โอฆะสังสารัง ตาเรนตันตัง นะมามิหัง

๘. (ธัม.) ธะระมาเนปิ   สัมพุทเธ ธัมมัง เทสัง นิรันตะรัง
ธะเรติ อะมังตัง ฐานัง ธะเรนตันตัง   นะมามิหัง

๙. (โม.) โมหัญเญ ทะมันโต สัตเต โมหะชิเต อะการะยิ
โมหะชาเต   ธัมมะจารี โมหะชิตัง นะมามิหัง

๑๐. (สัน.) สัพพะสัตตะตะโมนุโท   สัพพะโสกะวินาสะโก
สัพพะสัตตะหิตักกะโร สัพพะสันตัง นะมามิหัง

๑๑. (ทิฏ.) ทิฏเฐ ธัมเม อะนุปปัตโต ทิฏฐิกังขาทะโย ลุโต
ทิฏฐี ทวาสัฏฐิ ฉินทันโต   ทิฏฐะธัมมัง นะมามิหัง

๑๒. (ฐิ.) ฐิติสีละสะมาจาเร   ฐิติเตระสะธุตังคะเก
ฐิติธัมเม ปะติฏฐาติ ฐิติปะทัง นะมามิหัง

๑๓. (โก.) โกกานัง ราคัง ปีเฬติ โกโธปิ ปะฏิหัญญะติ
โกกานัง ปูชิโต โลเก   โกกานันตัง นะมามิหัง

๑๔. (อะ.) อัคโค เสฏโฐ วะระธัมโม อัคคะปัญโโย   ปะพุชฌะติ
อัคคัง ธัมมัง สุนิปุณัง อัคคันตัง วะ นะมามิหัง

๑๕. (กา.)   กาเรนโต โย สิวัง รัชชัง กาเรติ ธัมมะจาริเย
กาตัพพะสุสิกขากาเม กาเรนตันตัง   นะมามิหัง

๑๖. (ลิ.) ลิโต โย สัพพะทุกขานิ ลิขิโต   ปะฏิกัตตะเย
ลิมปิเตปิ สุวัณเณนะ ลิตันตังปิ นะมามิหัง

๑๗. โก. โก   สะทิโสวะ ธัมเมนะ โก ธัมมัง อะภิปูชะยิ
โก วินทะติ ธัมมะระสัง โกสะลันตัง   นะมามิหัง

๑๘. (เอ.) เอสะติ พุทธะวะจะนัง เอสะติ ธัมมะมุตตะมัง
เอสะติ   สัคคะโมกขัญจะ เอสะตันนัง นะมามิหัง

๑๙. (หิ.) หิเน ฐาเน นะ ชายันเต หิเน   โถเมติ สุคคะติง
หิเน โมหะสะมัง ชาลัง หินันตังปิ นะมามิหัง

๒๐. (ปัส.)   ปะกะโต โพธิสัมภาเร ปะสัฏโฐ โย สะเทวะเก
ปัญญายะ นะ สะโม โหติ ปะสันโน ตัง   นะมามิหัง

๒๑. (สิ.) สีเลนะ สุคะติง ยันติ สีเลนะ โภคะสัมปะทา
สีเลนะ   นิพพุติง ยันติ สีละธัมมัง นะมามิหัง

๒๒. (โก.) โก โส อัคคะปุญโโย พุทโธ   โกธะชะหัง อะธิคัจฉะติ
โก ธัมมัญจะ วิชานาติ โกธะวันตัง   นะมามิหัง

๒๓. (โอ.) โอภะโต สัพพะกิเลสัง โอภัญชิโต สัพพาสะวัง
โอภะโต   ทิฏฐิชาลัญจะ โอภะตัง ตัง นะมามิหัง

๒๔. (ปะ.) ปัญญา ปะสัฏฐา โลกัสมิง ปัญญา   นิพเพธะคามินี
ปัญญายะ นะ สะโม โหติ ปะสันโน ตัง นะมามิหัง

๒๕. (นะ.)   นะรานะระหิตัง ธัมมัง นะระเทเวหิ ปูชิตัง
นะรานัง กามะปังเกหิ นะมิตันตัง   นะมามิหัง

๒๖. (ยิ.) ยิชชะเต สัพพะสัตตานัง ยิชชะเต   เทวะพรหมุนา
ยิชชิสสะเต จะ ปาณีหิ ยิฏฐันตัมปิ นะมามิหัง

๒๗. (โก.)   โกปัง ชะหะติ ปาปะกัง โกธะโกธัญจะ นาสะติ
โกธัง ชะเหติ ธัมเมนะ โกธะนุทัง   นะมามิหัง

๒๘. (ปัจ.) ปะปัญจาภิระตา ปะชา ปะชะหิตา ปาปะกา จะโย
ปัปโปติ   โสติวิปุโล ปัชโชตันตัง นะมามิหัง

๒๙. (จัต.) จะริตวา พรหมะจะริยัง จัตตาสะโว   วิสุชฌะติ
จะชาเปนตัง วะ ทาเนนะ จะชันตันตัง นะมามิหัง

๓๐. (ตัง.)   ตะโนติ กุสะลัง กัมมัง ตะโนติ สัพพะวีริยัง
ตะโนติ สีละสะมาธิง ตะนันตังวะ   นะมามิหัง

๓๑. (เว.) เวรานิปิ นะ พันธันติ เวรัง เตสูปะสัมมะติ
เวรัง   เวเรนะ เวรานิ เวระสันตัง นะมามิหัง

๓๒. (ทิ.) ทีฆายุโก พะหุปุญโโย ทีฆะรัตตัง   มะหัพพะโล
ทีฆะสุเขนะ ปุญเญนะ ทีฆะรัตตัง นะมามิหัง

๓๓. (ตัพ.) ตะโต   ทุกขา ปะมุญจันโต ตะโต โมเจติ ปาณิโน
ตะโต ราคาทิเกลเสหิ ตะโต โมกขัง   นะมามิหัง

๓๔. (โพ.) โพธิง วิชชา อุปาคะมิ โพเธติ มัคคะผะลานิ   จะ
โพธิยา สัพพะธัมมานัง โพธิยันตัง นะมามิหัง

๓๕. (วิญ.) วิระติ   สัพพะทุกขัสมา วิริเยเนวะ ทุลละภา
วิริยาตาปะสัมปันนา วิระตันตัง   นะมามิหัง

๓๖. (ญู.) ญูตัญญาเณหิ สัมปันนัง   ญูตะโยคะสะมัปปิตัง
ญูตัญญาณะทัสสะนัญจะ ญูตะโยคัง นะมามิหัง

๓๗. (หี.)   หีสันติ สัพพะโทสานิ หีสันติ สัพพะภะยานิ จะ
หีสะโมหา ปะฏิสสะตา หีสันตันตัง   นะมามิหัง

๓๘. (ติ.) ติณโณ โย วัฏฏะทุกขัมหา ติณณัง   โลกานะมุตตะโม
ติสโส ภูมี อะติกกันโต ติณณะโอฆัง   นะมามิหัง

อัฏฐัตติงสะ ธัมมะคาถา ธัมมะคุณา   สุคัมภิรา
เอเตสะมานุภาเวนะ โสตถิ เม โหตุ   สัพพะทา.

พระสังฆคุณ ๑๔

สุปะฏิปันโน ภะคะวะโต   สาวะกะสังโฆฯ

๑. (สุ.) สุทธะสีเลนะ สัมปันโน สุฏฐ โย   ปะฏิปันนะโก
สุนทะโร สาสะนะกะโร สุนทะรันตัง นะมามิหัง

๒. (ปะ.)   ปะฏิสัมภิทัปปัตโต โย ปะสัฏโฐ วะ อะนุตตะโร
ปัญญายะ อุตตะโร โลเก   ปะสัฏฐันตัง นะมามิหัง

๓. (ฏิ.) ติตถะกะระชิโต สังโฆ ติตโถ ธีโรวะ   สาสะเน
ติตถิโย พุทธวะจะเน ติตถันตังปิ นะมามิหัง

๔. (ปัน.) ปะสัฏโฐ   ธัมมะคัมภีโร ปัญญะวา จะ อะวังกะโต
ปัสสันโต อัตถะธัมมัญจะ ปะสัฏฐังปิ   นะมามิหัง

๕. (โน.) โน เจติ กุสะลัง กัมมัง โน จะ ปาปัง   อะการะยิ
โนนะตัง พุชฌะติ ธัมมัง โนทิสันตัง นะมามิหัง

๖. (ภะ.)   ภัคคะราโค ภัคคะโทโส ภัคคะโมโห จะ ปาณินัง
ภัญชะโก สัพพะเกลสานัง ภะคะวันตัง   นะมามิหัง

๗. (คะ.) คัจฉันโต โลกิยัง ธัมมัง คัจฉันโต   โลกุตตะรัมปิจะ
คะโตเยวะ กิเลเสหิ คะมิตันตัง นามาะมิหัง

๘. (วะ.)   วัณเณติ กุสะลัง ธัมมัง วัณเณติ สีละสัมปะทัง
วัณเณติ สีละรักขิตัง   วัณณิตันตัง นะมามิหัง

๙. (โต.) โตเสนโต เทวะมะนุสเส โตเสนโต   ธัมมะเทสะยิ
โตเสติ ทุฏฐะจิตเตปิ โตเสนตันตัง นะมามิหัง

๑๐. (สา.)   สาสะนัง สัมปะฏิจฉันโน สาสันโต สิวะคามินิง
สาสะนะมะนุสาสันโต สาสันตันตัง   นะมามิหัง

๑๑. (วะ.) วันตะราคัง วันตะโทสัง วันตะโมหัง   สุทิฏฐิกัง
วันตัญจะ สัพพะปาปานิ วันตะเกลสัง   นะมามิหัง

๑๒. (กะ.)   กะโรนโต สีละสะมาธิง กะโรนโต สาระมัตตะโน
กะโรนโต กัมมะฐานานิ กะโรนตันตัง   นะมามิหัง

๑๓. (สัง.) สังสาเร สังสะรันตานัง สังสาระโต วิมุจจิ   โส
สังสาระทุกขา โมเจสิ สังสุทธันตัง นะมามิหัง

๑๔. (โฆ.)   โฆระทุกขักขะยัง กัตวา โฆสาเปติ สุรัง นะรัง
โฆสะยิ ปิฏะกัตตะยัง โฆสะกันตัง   นะมามิหัง

จะตุททะสะ สังฆะคาถา สังฆะคุณา   สุคัมภิรา
เอเตสะมานุภาเวนะ โสตถิ เม โหตุ สัพพะทา
ฉัปปัญญาสะ   พุทธะคุณา ธัมมะคุณา อัฏฐะติงสะติ
สังฆคุณา จะ จุททะสะ อัฏฐตตะระสะเต   อิเม
ทิเน ทิเน สะระเตปิ โสตถี โหนติ   นิรันตะรันติ.

จบพระคาถาอิติปิโสรัตนมาลา ๑๐๘


ความหมายและรายละเอียดเพิ่มเติม

บทสวดรัตนมาลา หรือ อิติปิโสรัตนมาลา

บทสวดรัตนมาลา หรือที่รู้จักกันในชื่อ “อิติปิโสรัตนมาลา” เป็นคาถา หรือร้อยกรองภาษาบาลีที่บรรยายถึงคุณความดีอันไร้ขีดจำกัดของพระพุทธเจ้า พระธรรมวินัย และพระสงฆ์ คาถานี้ถูกเรียงร้อยขึ้นเป็นเอกเทศเป็นจำนวนทั้งสิ้น ๑๐๘ บท โดยแบ่งออกเป็น 3 ส่วนหลัก ได้แก่

  • บทสรรเสริญพระพุทธคุณ จำนวน ๕๖ บท
  • บทสรรเสริญพระธรรมคุณ จำนวน ๓๘ บท
  • บทสรรเสริญพระสังฆคุณ จำนวน ๑๔ บท

คาถานี้ไม่เพียงแต่เป็นบทสวดที่ใช้ในพิธีพุทธาภิเษกและการบูชาสิ่งศักดิ์สิทธิ์ในพระพุทธศาสนาเท่านั้น แต่ยังเป็นเครื่องมือทางจิตวิญญาณที่ช่วยปลุกเสกและสร้างความศรัทธาในจิตใจของผู้ปฏิบัติอีกด้วย

ประวัติและที่มาของบทสวด

ประวัติของอิติปิโสรัตนมาลานั้นมีความคลุมเครือและหลากหลายความเชื่อ เนื่องจากไม่มีเอกสารแน่ชัดระบุว่าใครเป็นผู้รจนาขึ้นหรือว่าเกิดขึ้นในยุคใด แต่โดยทั่วไปแล้วคาถานี้ถือว่าเป็นสมบัติทางศิลปวัฒนธรรมและจิตวิญญาณที่มีมาก่อนสมัยประวัติศาสตร์ที่บันทึกไว้

บางตำราระบุว่าพระอาจารย์หลายท่านในสมัยโบราณได้ช่วยกันแต่งร้อยและจารึกบทคาถาลงบนแผ่นศิลา จากนั้นจึงนำไปแช่ไว้ในสระหลวงของจังหวัดพระนครศรีอยุธยา เพื่อคงความศักดิ์สิทธิ์และเป็นเครื่องรำลึกถึงคุณความดีของพระพุทธเจ้าที่สืบทอดกันมา

อีกความเห็นหนึ่งกล่าวว่า คาถานี้ได้รับการสืบทอดต่อมาจากคณาจารย์ในสมัยกรุงศรีอยุธยา และแม้ในสมัยปัจจุบันก็ยังคงมีการใช้และสืบทอดกันอยู่ในชุมชนพระภิกษุและผู้ศรัทธาทั่วภูมิภาค

นักวิชาการชาวตะวันตกอย่าง F. Bizot ได้ทำการศึกษาการใช้มนต์ภาษาบาลีในการเขียนยันต์และพบว่า “รัตนมาลา” เป็นหนึ่งในคาถาที่มีความสำคัญสูงสุดในพิธีพุทธาภิเษก โดยมีฉบับต่างๆ ปรากฏให้เห็นในประเทศเพื่อนบ้านเช่น พม่า ไทย และกัมพูชา และหลักฐานแรกที่สามารถตรวจพบได้คือจารึกในเมืองพุกาม เมื่อปี ค.ศ. 1442 ซึ่งยืนยันถึงความโบราณและการแพร่หลายของบทสวดนี้ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้

ด้วยความหลากหลายของสำนวนและฉบับที่สืบทอดกันมา “อิติปิโสรัตนมาลา” จึงถือเป็นสมบัติทางวัฒนธรรมที่ผสานเอาความศรัทธา ประวัติศาสตร์ และปรัชญาของพระพุทธศาสนาไว้ด้วยกันอย่างลงตัว

Meet our editorial team—the meticulous wordsmiths who transform ideas into compelling narratives. With a keen eye for detail and a passion for clarity, they refine every sentence, ensuring content is engaging, precise, and seamless. Whether fact-checking, enhancing readability, or fine-tuning tone, they bring stories to life with just the right balance of polish and personality. Plus, they always include relevant links and clever Google tricks, so you can immediately apply what you’ve learned.