(แบบที่ 1)
นะโม ตัสสะ ภะคะวะโต, อะระหะโต, สัมมาสัมพุทธัสสะ (๓ จบ) ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคเจ้า พระองค์นั้น ซึ่งเป็นผู้ไกลจากกิเลส เป็นผู้ตรัสรู้ด้วยพระองค์เอง โดยชอบ (กราบ)
อุกาสะ อัจจะโย โน ภันเต อัชชะขะมามิ ยะถาพาเล ยะถามุฬเห ยะถาอะกุสะเล เย มะยัง กะรัมหา เอวัง ภันเต มะยัง อัจจะโย โน ปะฎิคคัณหะถะ อายะติง สังวะเรยยามิ เถเรปะมาเทนะ ทะวารัตตะเยนะกะตัง สัพพัง อะปะราทังขะมามิภันเต
(แบบที่ 2)
วันทามิ พุทธัง สัพพะเมโทสัง ขะมะถะเม ภันเต
วันทามิ ธัมมัง สัพพะเมโทสัง ขะมะถะเม ภันเต
วันทามิ สังฆัง สัพพะเมโทสัง ขะมะถะเม ภันเต
ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ข้าพเจ้าขอกราบไหว้พระพุทธเจ้า เพื่อขอขมาโทษทั้งปวง ขอพระองค์จงประทานอภัยโทษแก่ข้าพเจ้าด้วยเถิด
ข้าแต่พระธรรมอันเจริญ ข้าพเจ้าขอกราบไหว้พระธรรมเพื่อขอขมาโทษทั้งปวง ขอพระธรรมจงให้อภัยโทษแก่ข้าพเจ้าด้วยเถิด
ข้าแต่พระสงฆ์ผู้เจริญ ข้าพเจ้าขอกราบไหว้พระสงฆ์เพื่อขอขมาโทษทั้งปวง ขอพระสงฆ์จงให้อภัยโทษแก่ข้าพเจ้าด้วยเถิด
(แบบที่ 3)
สัพพัง อะปะราธัง ขะมะถะ เม ภันเต อุกาสะ ทวารัตตะเยนะ กะตัง สัพพัง อะปะราธัง ขะมะถะ เม ภันเต อุกาสะ ขะมามิ ภันเต ฯ
(ถ้าหลายคนว่า… ขะมะตุ โน ภันเต, ฯลฯ, ขะมะตุ โน ภันเต, อุกาสะ ขะมามะ ภันเต ฯ)
หากข้าพระพุทธเจ้าได้เคยประมาทพลาดพลั้งล่วงเกินต่อพระรัตนตรัย ทั้งในชาติก่อนและชาตินี้ ไม่ว่าจะด้วยทางกายหรือวาจา และด้วยเจตนาหรือไม่เจตนา
ขอองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทุกพระองค์ พระปัจเจกพุทธเจ้าทุกพระองค์ พระธรรม และพระอริยสงฆ์ทุกท่าน โปรดลดโทษให้แก่ข้าพระพุทธเจ้าตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป จนกว่าจะเข้าสู่พระนิพพาน
(แบบที่ 4)
กาเยนะ วาจายะ วะ เจตะสา วา, พุทเธ กุกัมมัง ปะกะตัง มะยา ยัง, พุทโธ ปะฏิคคัณหะตุ อัจจะยันตัง, กาลันตะเร สังวะริตุง วะ พุทเธ,
กาเยนะ วาจายะ วะ เจตะสา วา, ธัมเม กุกัมมัง ปะกะตัง มายา ยัง, ธัมโม ปฏิคคัณหะตุ อัจจะยันตัง, กาลันตะเร สังวะริตุง วะ ธัมเม,
กาเยนะ วาจายะ วะ เจตะสา วา, สังเฆ กุกัมมัง ปะกะตัง มะยา ยัง, สังโฆ ปฏิคคัณหะตุ อัจจะยันตัง, กาลันตะเร สังวะริตุง วะ สังเฆ.
ด้วยกายก็ดี ด้วยวาจาก็ดี ด้วยใจก็ดี
(คำขอในส่วนนี้ระบุว่า หากมีการกระทำที่ผิดพลาดในด้านกาย วาจา หรือใจ ขอให้พระพุทธ พระธรรม และพระสงฆ์งดลงโทษ เพื่อให้ข้าพเจ้ามีโอกาสสำรวมระวังในภายหน้า)
ความหมายและรายละเอียดเพิ่มเติม
(แบบที่ 1)
ในแบบที่ 1 การสวดนี้เริ่มต้นด้วยการกล่าว “นะโม ตัสสะ…” เพื่อยอมรับพระคุณของพระรัตนตรัย โดยเฉพาะการระลึกถึงความบริสุทธิ์ของพระพุทธองค์ที่ทรงตรัสรู้และพ้นจากกิเลส ส่วน “อุกาสะ…” เป็นคำสวดที่เรียกร้องให้พระองค์โปรดให้อภัยและลดโทษจากการประมาทพลาดในอดีตและปัจจุบัน เน้นความสุภาพและการนอบน้อมเป็นหลัก
(แบบที่ 2)
แบบที่ 2 ใช้วิธีการแบ่งคำสวดออกเป็นสามส่วนที่ชัดเจน โดยแต่ละส่วนจะกล่าวถึงพระพุทธ พระธรรม และพระสงฆ์แยกกัน การเรียบเรียงแบบนี้ช่วยให้ผู้สวดมีความมุ่งมั่นในการขอขมาพระรัตนตรัยในแต่ละองค์ โดยเน้นการขอให้อภัยในทุกด้านของการกระทำทั้งในร่างกาย วาจา และใจ
(แบบที่ 3)
แบบที่ 3 มุ่งเน้นไปที่การรวมคำสวดเข้าด้วยกันในรูปแบบที่เป็นเอกฉันท์และครอบคลุมการขอขมาอย่างกว้างขวาง โดยแสดงความตระหนักถึงความผิดพลาดที่อาจเกิดขึ้นในทั้งชาติก่อนและชาตินี้ และเป็นการขอให้องค์พระทุกองค์โปรดลดโทษให้แก่ผู้สวด เพื่อให้มีโอกาสเริ่มต้นใหม่ด้วยจิตใจที่บริสุทธิ์
(แบบที่ 4)
ในแบบที่ 4 คำสวดมีลักษณะเป็นชุดเรียงซ้ำที่เน้นความสำคัญของการขออภัยในทุกด้าน ไม่ว่าจะเป็นกาย วาจา หรือใจ โดยแต่ละบรรทัดจะกล่าวถึงการขอให้พระพุทธ พระธรรม และพระสงฆ์งดลงโทษการกระทำที่ผิดพลาด เพื่อให้ผู้สวดสามารถรักษาความระมัดระวังและมุ่งมั่นในแนวทางปฏิบัติธรรมต่อไป